วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

10 วิธี การกินอย่างฉลาด (:


ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก
             1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง 
             2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี 

             3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว 
             4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
             5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ 

             6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล 

             7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30% 

             8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย 

              9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด 

              10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้ 


             ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !! 

ฟิลิปปินส์เปลี่ยนชื่อ"ทะเลจีนใต้" เป็น "ทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตก" (:

ประธานาธิบดีเบนิญโญ อากิโน ลงนามรับรองชื่อทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตก จากเดิมที่ใช้ชื่อน่านน้ำฝั่งตะวันตกของประเทศ ที่รัฐบาลประกาศให้เป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (อีอีแซด)ว่าทะเลจีนใต้

โดยเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ผู้นำฟิลิปปินส์ได้ลงนามในคำสั่งบริหาร ฉบับที่ 29 ที่ว่าด้วย"การเปลี่ยนชื่อทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตกแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และเพื่อจุดประสงค์อื่นๆ"
นายอาคิโนกล่าวในคำสั่งที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการในวันนี้ (13 ก.ย.)ว่า พื้นที่ดังกล่าวจะรวมทะเลลูซอน เช่นเดียวกับน่านน้ำโดยรอบ และที่เชื่อมต่อกับกลุ่มหมู่เกาะคาลายาน และบาโฮ เดอ มาซินล็อค หรือเดิมที่เรียกว่า Scarborough Shoal
ผู้นำฟิลิปปินส์ให้สัมภาษณ์ว่า เขายังคงหวังที่จะได้พูดคุยแบบเปิดใจกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน ซึ่งไม่ได้พบปะกันระหว่างการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปก ครั้งล่าสุดที่เมืองวลาดิวอสต็อกของรัสเซียเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อแบ่งปันความคิดเห็นอย่างเปิดเผย ซึ่งเขามองว่าเป็นวิธีการที่จะช่วยสะสางข้อพิพาทระหว่างกันได้
รัฐบาลฟิลิปปินส์ เริ่มเรียกทะเลจีนใต้ว่าทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตก เมื่อเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว หลังจากเรือลาดตระเวนของจีนเข้าคุกคามเรือสำรวจทางวิทยาศาสตร์ของตน รวมถึงยิงอาวุธข้ามเรือประมงในน่านน้ำของหมู่เกาะสแปรตลีย์
นายอาคิโนกล่าวว่า พื้นที่ตามคำสั่งบริหาร ฉบับที่ 29นั้น ครอบคลุมเฉพาะทะเลจีนใต้ในส่วนของฟิลิปปินส์เท่านั้น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการประกาศให้เป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ขณะที่ Scarborough Shoal หรือ Panatag Shoal ก็รวมอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเช่นกัน

ไวโอลิน ^^


 สวัสดีค่ะ เราทายว่า คนที่มาอ่านกระทู้นี้ส่วนหนึ่งต้องเป็นเด็กที่เรียนไวโอลินเหมือนกับเราแน่นอน แต่เราก็สงสัยว่าอะไรทำให้เพื่อนๆ หลายๆ คนหันมาสนใจเครื่องดนตรีชนิดนี้ สำหรับเราแล้ว เราคิดว่าคงไม่ค่อยมีคนเล่นไวโอลินสักเท่าไหร่ ก็เลยลองเรียนดู เพื่อที่จะพัฒนาทักษะของตัวเอง แล้วก็จะได้เล่นเครื่องดนตรีเป็นหลายๆ ชนิดด้วย
                แต่เพื่อนๆ รู้รึเปล่านักดนตรีหลายๆ คนมองข้ามสิ่งหนึ่งไป รวมถึงเราเองก็เคยมองข้าม เรียกว่าไม่สนใจเลยก็ได้นะ นั่นก็คือ ประวัติ ของเครื่องดนตรีชนิดนี้ พอเรานึกขึ้นได้ก็ลองหาในอินเทอร์เน็ตดู ซึ่งเราว่าน่าสนใจเลยทีเดียวล่ะ ดังนั้นเราก็เลยหยิบยกข้อมูลมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ^ ^
 
ต้นกำเนิดของไวโอลิน
                การเขียนถึงเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของไวโอลินอาจจะเขียนได้เป็นร้อยๆ พันๆ หน้ากระดาษเลยทีเดียว มีนักเขียนมากมายที่เขียวเรื่องราวประวัติศาสตร์ของไวโอลิน เรื่องราวที่มีเสน่ห์เเละประวัติอันยาวนานของมัน รวมถึงมุมมองและทัศนะที่แตกต่างกันมากมาย แต่มีเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่ยืนยันได้อย่างแน่นอน
                ในอดีตที่มนุษย์ยังล่าสัตว์เป็นอาหารอยู่นั้น มนุษย์พบว่าการยิงธนูทำให้เกิดเสียงขึ้น นั่นเป็นเพราะการสั่นสะเทือนของสายคันธนู ข้อเท็จจริงที่ว่าการทำให้สายเกิดการสั่นสะเทือนด้วยการใช้คันชักลากผ่านสายถูกค้นพบหลังจากนั้นอีกนาน เเต่เกิดขึ้นเมื่อไหร่นั้นไม่ปรากฏชัดเจน แต่เครื่องดนตรีที่ใช้คันชักนั้นอาจจะมีการเล่นกันในอาณาจักรเปอร์เซียโบราณและที่อื่นๆ มาก่อนแล้ว ในช่วงต้นศตวรรษที่ 8 และในยุโรปในราวๆ ช่วงศตวรรษที่ 9 คำว่า ' Fiddle ' นอกจากจะเป็นคำทั่วไปที่ใช้เรียกเครื่องดนตรีที่ใช้คันชักทุกๆ ชนิดแล้ว คำๆ นี้มักจะหมายความถึงเครื่องดนตรีตั้งแต่ยุคกลาง (Middle Ages) อีกด้วย ซึ่งมีเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น
                 มีการพบเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายพบในหลายๆ วัฒนธรรมและในช่วงเวลาที่ต่างกัน ซึ่งย่อมมีส่วนในพัฒนาการของเครื่องดนตรีที่เรียกว่าไวโอลินอยู่บ้างไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เครื่องดนตรีเหล่านี้ เช่น Kithara ของกรีก ซึ่งอยู่ในราวปีที่ 7 ก่อนคริสตกาล หรือซอเอ้อหู (Erhu) ของจีน ซึ่งมีอายุอยู่ในราวศตวรรษที่ 8 ในขณะที่วิวัฒนาการที่สำคัญของเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย และเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายที่ใช้คันชักไม่มีความเกี่ยวของโดยตรงกับไวโอลิน บทวามนี้จะแสดงถึงบรรพบุรุษที่ใกล้ชิดของไวโอลิน มีวิวัฒนาการจนมีรูปร่างดังเช่นในปัจจุบันได้อย่างไร และมีบทบาทสำคัญต่อวัฒนธรรมดนตรีตะวันตกอย่างไร

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ความดีที่ทำ

1.เก็บที่นอน
2.ไม่ตื่นสาย
3.กวาดขยะ
4.มาโรงเรียนตรงเวลา
5.ไม่คุยเวลาเข้าแถว